ยา สเตียรอยด์ เป็นยาควบคุมชนิดหนึ่งที่ผู้ใช้หรือซื้อต้องมีใบสั่งจากแพทย์เท่านั้น เนื่องจากเป็นยาที่มีสรรพคุณสูงในการลดการอักเสบ แก้แพ้ ซึ่งแพทย์จะใช้รักษาโรคที่รุนแรงบางโรคที่ใช้ยาอื่นไม่ได้ผล เช่น เอสแอลอี (SLE) โรคภูมิแพ้ หอบหืด โรคไต เป็นต้น โดยใช้ในเวลาสั้น ๆ เมื่ออาการทุเลาก็ค่อย ๆ ลดขนาดยาลงทีละน้อยจรหยุดยาได้
โดยปกติ ร่างกายของเราก็มีการสร้างฮอร์โมนสเรียรอยด์อยู่แล้ว คือสร้างที่ต่อมหมวกไต เพื่อทำหน้าที่เผาผลาญอาหารและปรับสภาพกลไกของร่างกายให้สมดุล โดยสร้างในระดับที่พอใช้ เมื่อร่างกายเกิดภาวะเครียดหรือตื่นตระหนก ร่างกายจึงจะสร้างฮอร์โมนสเตียรอยด์ออกมาเป็นจำนวนมาก เพื่อช่วยปรับสมดุลของร่างกาย หากไม่มีฮอร์โมนชนิดนี้ร่างกายก็จะเกิดความเสียยหายได้ ต่อมหมวกไตจะผลิตฮอร์โมนนี้ตามความจำเป็นของร่างกาย ถ้าเรากินยาที่มีฮอร์โมนนี้ในขนาดสูง ๆ บ่อย ๆ นาน ๆ ร่างกายจะรับรู้ว่ามีฮอร์โมนอยู่แล้ว ต่อมหมวกไตจะไม่ผลิตออกมานาน ๆ เข้าต่อมหมวกไตจึงค่อย ๆ ฝ่อลง
ปัญหาการใช้ยาสเตียรอยด์ พบว่าคนส่วนใหญ่มักจะใช้ยาโดยไม่มีคำสั่งแพทย์ เป็นการซื้อใช้เองตามร้านขายยาทั่วไป หรือมีผู้ค้าเร่ขาย โดยยาจะอยู่ในรูปแบบของยาแผ่นปัจจุบัน ยาชุด ยาผง และยาลูกกลอนใช้ในการรักษาอาการปวดเมื่อย ปวดข้อ หอบหืด ภูมิแพ้ ลดไข้ แก้หวัด และเป็นยาเจริญอาหาร เนื่องจากกินยานี้แล้วอาการป่วยจะหายเร็วทันใจ จึงมีการใช้อย่างพร่ำเพรื่อ และกินในระยะเวลานาน ๆ เมื่อหยุดยาอาการก็จะกำเริบขึ้นอีก ทำให้ต้องกินยาต่อ จนเป็นอันตรายต่อร่างกาย ที่พบได้บ่อย ๆ ได้แก่
· โรคกระเพาะ ทำให้กระเพาะอาหารเป็นแผล และอาจทะลุได้
· บวม ไม่ใช่การอ้วนทั่วไป แต่มีอาการอ้วนที่ใบหน้า เรียกว่าหน้าดวงจันทร์ (Moonface) ลำตัวพุง และเหนือกระดูกไหปลาร้า (หลังเป็นหนอก) แต่แขนขาลีบ
· กดภูมิคุ้มกัน ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะเชื้อโรคแปลก ๆ ที่คนปกติไม่เป็นกัน
· ความดันเลือดสูง เนื่องจากสเตียรอยด์ทำให้มีการคั่งของเกลือ เป็นอันตรายอย่างมากในผู้ที่เป็นโรคหัวใจ และความดันเลือดสูง
· กระดูกผุกร่อน หักงาย
· เบาหวานสเตียรอยด์ ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ในผู้ที่เป็นเบาหวานอยู่แล้วจะมีอันตรายมากยิ่งขึ้น
· ต่อมหมวกไตฝ่อ ร่างกายไม่ผลิตฮอร์โมนสเตียรอยด์ตามธรรมชรติ เมื่อมีการติดเชื้อรุนแรงหรืออุบัติเหตุจะมีโอกาสช็อคและเสียชีวิตได้
ประชาชนส่วนใหญ่หันมาใช้ยาสมุนไพรแทนการใช้ยาแผนปัจจุบันมากขึ้น แต่ถ้าไม่รอบคอบในการซื้อก็มักจะได้ยาที่มีเสตียรอยด์ผสม นอกจากจะเป็นการทำลายสุขภาพของผู้ใช้ยาแล้วยังเป็นการทำลายภูมิปัญญาของท้องถิ่นด้วย ดังนั้นการซื้อยาใด ๆ มาใช้จึงควรอ่านฉลากยาให้ถ้วนถี่ ว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง มีเครื่องหมายรับรองหรือไม่ และควรปรึกษาแพทย์ เภสัชกร พยาบาลหรือเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขทุกครั้งก่อนใช้ยา