คนไทยสมัยก่อนนิยมตั้งชื่อด้วยภาษาไทยแท้ ทั้งชื่อจริงและชื่อเล่น ผิดกับปัจจุบันตั้งชื่อจริงด้วยภาษาสันสกฤต และตั้งชื่อเล่นเป็นภาษาอังกฤษ
สำหรับหญิงไทยในอดีต นิยมตั้งชื่อตามชื่อดอกไม้ที่งดงามหรืมีกลิ่นหอม ยิ่งถ้าเป็นดอกไม้ที่มีทั้งความงามและความหอมในดอกเดียวกันก็ยิ่งนิยมมากขึ้น เช่น กุหลาบ เป็นชื่อที่นิยมทั้งชายและหญิง
ดอกไม้บางชนิดก็มีกลิ่นหอม และยังมีตำนานความเชื่อที่ว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาเกี่ยวข้องก็จะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับดอกไม้ที่นำมาเสนอในตอนนี้ นั่นคือ มณฑา
มณฑา ดอกไม้ดั่งเดิมของไทยที่มีตำนาน
มณฑา มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Talauma candollei BL. อยู่ในวงศ์ Magnoliaceae เช่นเดียวกับจำปี และจำปา เป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาดเล็ก แตกกิ่งก้านไม่มาก ต้นสูง 1-3 เมตร
ใบ เป็นใบเดี่ยวออกสลับรอบกิ่ง รูปหอก โคนใบสอบ ปลายใบแหลม กว้าง 8-12 เซตติเมตร ยาว 15-18 เซนติเมตร พื้นใบมักเป็นลอนคลื่นไม่เรียบ
ดอก เป็นดอกเดี่ยวออกตามชอกใบ บริเวณปลายกิ่ง รูปร่างป้อม ปลายดอกห้อยลง มีกลีบเลี้ยง 3 กลีบ หนาแข้ง สีเขียวอมเหลือง กลีบดอก 6 กลีบ เรียงเป็น 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ กลีบสีเหลืองรูปไข่กลับยาว 3-5 เซนติเมตร ดอกมณฑามีกลิ่นหอม จะหอมแรงช่วงเช้าตรู่ ออกดอกไม้ตลอกปี เวลาดอกบานเต็มที่กลีบไม่อ้ามาก
มณฑา เป็นพืชพื้นบ้านดั้งเมมีถิ่นกำเนิดในป่าของไทย โดยเฉพาะพบมากในป่าทางภาพใต้ เพราะธรรมชาติของมณฑาชอบที่ร่มรำไร และความชื่นสูง
หญิงไทยนิยมตั้งชื่อตามดอกไม้มณฑากันมาก และความนิยมนั้นก็ยังต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
มณฑา มีชื่อเรียกอื่น ๆ คือ จำปูนช้าง จอมปูน (ภาคใต้) และยี่หุบ (ภาคกลาง และภาคเหนือ) สาเหตูที่เรียกว่ายี่หุบ อาจเกิดจากดอกมณฑาเมื่อบานเต็มที่ก็ดูเหมือนยังกุบอยู่นั้นเอง ชื่อในภาษาอังกฤษคือ MAGNOLITA
มณฑาเป็นต้นไม้ที่ปลูกง่าย สามารถปลูกเป็นไม้กระถางได้ดี